Mad Unicorn - บทเรียนธุรกิจจากซีรีส์ไทยที่ได้แรงบันดาลใจจาก Flash Express

Mad Unicorn – บทเรียนธุรกิจจากซีรีส์ไทยที่ได้แรงบันดาลใจจาก Flash Express

กรณีศึกษา: Mad Unicorn – บทเรียนธุรกิจจากซีรีส์ไทยที่ได้แรงบันดาลใจจาก Flash Express 

ซีรีส์ Mad Unicorn บน Netflix เป็นละครดราม่าจากประเทศไทยที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของการก่อตั้ง Flash Express โดยคุณคมสันต์ แซ่ลี แต่ในเรื่องถูกดัดแปลงเป็นตัวละคร “สันติ” ผู้ก่อตั้งบริษัทขนส่งพัสดุชื่อ Thunder Express รับบทโดย ณัฐรัตน์ นพรัตน์ยพงศ์ ซีรีส์นี้ได้รับคำชมจากสื่อต่างประเทศอย่าง Decider ว่าเป็น “Super Pumped ฉบับไทย” ที่เล่าเรื่องธุรกิจยูนิคอร์นแบบตรงไปตรงมา 

ในฐานะนักธุรกิจ นักวิชาการ และผู้สนใจเรื่อง startup ผู้เขียนขอวิเคราะห์ประเด็นเชิงลึกของซีรีส์นี้ ผ่านกรอบความคิดทางธุรกิจสมัยใหม่ และนำเสนอเป็นบทเรียนทางกลยุทธ์ที่มีประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ 

1. การสร้างอำนาจตลาด (Market Power) และการเป็นผู้กำหนดราคา (Price Maker) 

หนึ่งในฉากสำคัญที่ตัวละคร “คณิน” กล่าวว่าราคาเก้าอี้ที่คุณสันติเสนอขายแพงเกินไป แต่คุณสันติตอบกลับว่า “ถ้าผมเป็นเจ้าของเก้าอี้ทุกตัวในห้องนี้ คุณก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากซื้อจากผม” ข้อความนี้สะท้อนแนวคิดคลาสสิกของการเป็น Monopoly หรือผู้ผูกขาดตลาด ซึ่งสามารถกำหนดราคาได้ (Price Setting Power) 

ในทางเศรษฐศาสตร์ อำนาจการกำหนดราคานี้เรียกว่า Market Power และสามารถอธิบายผ่าน Porter’s Five Forces โดยเฉพาะเรื่อง “การลดอำนาจต่อรองของลูกค้า (Bargaining Power of Buyers)” 

กลยุทธ์นี้ “สันติ” ใช้ในเหมืองทรายมาก่อน โดยเปลี่ยนจากการแข่งขันแบบตัดราคา (Price War) มาสู่ระบบที่ผู้ผลิตต้องพึ่งพาศูนย์กลางกระจายสินค้าของเขา เป็นตัวอย่างของ Platform Economics และ Hub-and-Spoke Model ซึ่งทำให้เขาสามารถควบคุม Supply Chain ได้ทั้งหมด 

เป้าหมายของ Thunder Express จึงไม่ใช่แค่การเติบโต แต่คือการควบรวมอุตสาหกรรม (Industry Consolidation) เพื่อเป็นผู้นำเพียงหนึ่งเดียว (Monopoly Intent) 

2. ราคาถูกคือการลงทุน ไม่ใช่แค่การตลาด: กลยุทธ์ Burn Rate และ Asset-light Model 

ในซีรีส์ Thunder Express ใช้กลยุทธ์หั่นราคาส่งพัสดุจาก 50 บาท เหลือ 25 บาท เหลือ 19 บาท และในโลกของความจริง (ที่ซีรี่ย์ไม่ได้พูดถึง) คุณคมสันต์เคยลดเหลือ 9 บาท หรือแม้แต่ฟรีในบางพื้นที่ การทำเช่นนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่โปรโมชั่น แต่คือการ “เผาตลาด” (Burn) เพื่อขยายฐานลูกค้า (Customer Acquisition) และทำลายคู่แข่ง (Predatory Pricing) 

โมเดลที่ใช้คือ Asset-Light Model ซึ่งหมายถึงการหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร เช่น รถขนส่งหรือคลังสินค้า เพื่อให้สามารถขยายตัวได้รวดเร็ว โดยเน้นการ Outsource และบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ (Operational Leverage) 

แนวคิดนี้เชื่อมโยงกับทฤษฎี Blitzscaling โดย Reid Hoffman ที่กล่าวถึงการเติบโตแบบเร่งด่วนโดยยอมขาดทุนในระยะสั้นเพื่อสร้าง Network Effect ในระยะยาว ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนประเภท Venture Capital มองหา และเป็นอีกจุดที่ซีรี่ย์ ไม่ได้พูดถึงว่าตรงนี้นี่แหละครับที่ทำให้เขาได้ใจนักลงทุน จนกลายมาเป็น Unicorn เจ้าแรกของไทย 

อย่างไรก็ตาม ตลาดในประเทศไทยมีขนาดเล็กและอิ่มตัวเร็ว ทำให้กลยุทธ์นี้อาจไม่มี Sustainability และส่งผลให้ Flash Express ไม่สามารถเข้าตลาดหุ้น Nasdaq ได้ในที่สุด 

3. คนคือระบบ และระบบคือองค์กร: ความสำคัญของทีมผู้ร่วมก่อตั้ง (Founding Team) 

ซีรีส์ Mad Unicorn ชี้ให้เห็นว่า “สันติ” ไม่สามารถสร้างบริษัทเพียงลำพังได้ เขาจำเป็นต้องมีผู้ร่วมก่อตั้งที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ได้แก่ รุ่ยเจี๋ย (นักพัฒนา), เสี่ยวหยู (นักการเงิน), และทีมเล็ก ๆ ที่สามารถ Validate Model ได้ก่อนจะขยายใหญ่ ซึ่งตรงกับแนวคิดของ Lean Startup และ Agile Organization 

อย่างไรก็ตาม Startup ต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงเสมอ โดยเฉพาะความต่างของความฝันและเป้าหมาย เช่น กรณีของเสี่ยวหยู ที่ในภายหลังตัดสินใจ Exit ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นของการทำ Founder Agreement ที่ชัดเจน เช่น: 

– การแบ่งสัดส่วนหุ้น 

– บทบาทและความรับผิดชอบ 

– การจัดการทรัพย์สินส่วนตัวกับทรัพย์สินของบริษัท 

เหล่านี้เป็นเรื่องธรรมาภิบาลภายในองค์กร (Corporate Governance) ที่หากละเลยอาจนำไปสู่ความขัดแย้งในอนาคต 

4. Startup ต้องเตรียมรับมือกับการทรยศและความเสี่ยงจากภายใน 

ในช่วงท้ายของซีรีส์ เราเห็นว่าหนึ่งในโปรแกรมเมอร์หลักของ Thunder Express อย่างลีนุกซ์ กลายเป็นเครื่องมือให้กับคู่แข่ง และทำให้ รุ่ยเจี๋ยต้องตัดสินใจไล่ลีนุกซ์ออกในทันที 

ตรงจุดนี้ ทำให้“สันติ” เริ่มสงสัยแม้กระทั่งคนในทีมของตนเอง และบอกกับ เสี่ยวหยูว่า ไม่ต้องบอกเที่ยวบินที่ใช้ในการขนส่ง เพราะเขาไม่สามารถไว้ใจใครได้ 

เรื่องนี้สอดคล้องกับปัญหาคลาสสิกของธุรกิจที่เติบโตเร็ว: การขาด Internal Control และระบบความปลอดภัยข้อมูล (Cybersecurity, Access Management) ซึ่งจำเป็นต้องพัฒนาให้ทันกับการขยายตัว 

ในโลกแห่งความจริง Flash Express ก็เคยประสบปัญหาลักษณะนี้เช่นกัน จึงเน้นย้ำความสำคัญของการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่โปร่งใส (Transparency) และระบบกำกับดูแลที่เข้มงวด 

5. ทุกอย่างเป็นไปได้ หากคุณอยู่ถูกที่ ถูกเวลา: จากเด็กดอยสู่เจ้าพ่อโลจิสติกส์ 

ในแง่ของการพัฒนาตนเอง ตัวละคร “สันติ” สะท้อนถึงแนวคิด Growth Mindset อย่างชัดเจน แม้เกิดในครอบครัวธรรมดาในภาคเหนือ แต่เขาเรียนรู้เร็ว กล้าทำสิ่งใหม่ และมองเห็นโอกาสในช่วงที่เศรษฐกิจจีนเติบโต 

ในชีวิตจริง คุณคมสันต์ เติบโตในครอบครัวที่คุณพ่อเป็นนักธุรกิจและคุณแม่เป็นครูภาษาจีน เขาจึงมีทักษะภาษาจีนซึ่งใช้สร้างโอกาสในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สำหรับชาวจีน และต่อยอดไปสู่ธุรกิจส่งของเข้า-ออกจีน ก่อนเข้าสู่ธุรกิจขนส่งพัสดุ 

เขาคือภาพสะท้อนของทฤษฎี Effectuation ที่เน้นการเริ่มต้นจากสิ่งที่มีอยู่ (Who I am, What I know, Whom I know) และค่อย ๆ ต่อจิ๊กซอว์เพื่อสร้างธุรกิจที่เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ใช่ 

บทสรุป 

Mad Unicorn ไม่ใช่แค่ละครชีวิตของผู้ประกอบการไทยเท่านั้น แต่เป็นกรณีศึกษาทางธุรกิจที่ทรงพลังสำหรับผู้สนใจ startup โดยเฉพาะในบริบทของประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งการเติบโตแบบเร่งด่วนมักต้องแลกด้วยความเสี่ยง ความขัดแย้ง และบทเรียนราคาแพง 

ซีรีส์เรื่องนี้ตอกย้ำว่า “การเป็นยูนิคอร์น” ไม่ใช่จุดจบของความฝัน แต่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความท้าทายใหม่ ที่ต้องการทั้งกลยุทธ์ คน และจังหวะเวลา ที่เหมาะสม เพื่อพาธุรกิจไปสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง 

เขียนและเรียบเรียงโดย  
โดย ดร. กิตติโชค นิธิเสถียร 
อาจารย์ประจำหลักสูตร MBA 

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น

You may use these HTML tags and attributes:

<a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <s> <strike> <strong>