พิสูจน์แนวคิด MBA หลักสูตรเพื่อนักธุรกิจ? กับประสบการณ์จริงที่ได้จาก MBA Stamford

กว่าจะฝ่าฟันจนได้ปริญญาใบแรกของชีวิต หลายคนก็บ่นแล้วบ่นอีกว่าไม่ใช่เรื่องง่าย และกว่าจะคิดหรือตัดสินใจเรียนต่อปริญญาโท ก็ไม่ใช่เรื่องที่หลายคนจะเลือกและตัดสินใจง่ายๆ เช่นกัน แต่สำหรับคนที่มีจุดมุ่งหมายชัดเจนในชีวิตว่าอยากเป็นเจ้าของกิจการ-ผู้บริหาร อยากมีธุรกิจเป็นของตนเอง แน่นอนว่าปริญญาโท สาขา MBA คงเป็นสิ่งที่พวกเขาตัดสินใจเลือกโดยไม่ลังเล เพื่อต่อยอดทั้งความรู้ แนวคิด และทักษะการบริหารจัดการธุรกิจ ภายใต้ความเป็น Master of Business Administration

ทำไมนักธุรกิจและผู้บริหารจึงนิยมเรียน MBA, หลักสูตรนี้มีกระบวนการสอนหรือปลูกฝังแนวคิดการทำธุรกิจอย่างไร , คนทั่วไปที่ไม่ได้มีเป้าหมายเป็นเจ้าของกิจการ จะเหมาะกับการเรียน MBA หรือไม่?

หากคุณอยากรู้คำตอบเหล่านี้ หรือกำลังสนใจศึกษาต่อในระดับปริญญาโท เราอยากชวนให้มาเรียนรู้แนวคิดและประสบการณ์จริง จาก 1 ใน ผู้ที่มีฝัน ต้องการต่อยอดธุรกิจครอบครัวและสร้างธุรกิจของตนเอง กับการตัดสินใจเลือกเรียนปริญญาโท หลักสูตร MBA มหาวิทยาลัยนานาชาติ Stamford และจุดเด่นที่อาจารย์ประจำหลักสูตรอยากมาเล่าให้คุณเข้าใจด้วยตัวเอง ว่า MBA สำคัญอย่างไร…

คุณกิตติ พรศิวะกิจ เริ่มต้นเล่าถึงแนวคิดในการเลือกเรียน MBA ว่า “หลักสูตรนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการเป็นผู้บริหาร ไม่ว่าจะบริหารคน เงิน การตลาด และที่สำคัญที่สุด คือ การบริหารตัวเอง  สิ่งสำคัญของการเรียน MBA คือ ต้องเข้าใจว่าเป้าหมายไม่ได้จบอยู่ที่บทเรียน หรือการสอบได้ A ทุกวิชา แต่คือการนำความรู้ทั้งหมดที่ได้ไปต่อยอดเพื่อสร้างความสำเร็จในธุรกิจจริง  ซึ่งผู้ที่เข้าเรียนในแต่ละ Gen ก็สามารถนำสิ่งต่างๆที่ได้จาก MBA ไปใช้ในมุมมองที่ต่างกัน เพราะผมคิดว่า MBA เป็นหลักสูตรที่เหมาะกับคนทุก Gen เพราะ Gen X ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจของตนเอง หรือต่อยอดไปสู่ธุรกิจใหม่ๆได้ Gen Y มาเรียนแล้วก็จะเข้าใจมุมมองของทั้งผู้บริหารระดับสูงกว่าและผู้ใต้บังคับบัญชาได้มากขึ้น หรือ Gen Z มาเรียนแล้วก็สามารถนำแนวคิดไปพัฒนาศักยภาพในตำแหน่งงาน หรือ นำไปเป็นพื้นฐานในการทำ Startup ได้”

แม้ปัจจุบัน คุณกิตติ ยังเป็นนักศึกษา MBA Stamford แต่เขาได้นำแนวคิดและประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องเรียนไปต่อยอดธุรกิจ จนทำให้สามารถพ่วงตำแหน่งผู้บริหารรวมแล้วกว่า 8 บริษัท ซึ่งเป็น 4 บริษัทชั้นนำใน 4 วงการ ทั้งด้าน ไอที โรงแรม สุขภาพ-ความงาม และร้านค้าปลีก และเป็น Cofounder และ CEO ของ Startup อีก 4 แห่ง ไปพร้อมๆกัน ซึ่งคุณกิตติ กล่าวว่า ทั้ง 4 Startup  นั้น เกิดขึ้นในช่วงที่กำลังเรียน MBA Stamford นี่เอง ซึ่งประกอบด้วย Tripwarp.com ที่เป็น Digital Platform เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวสามารถ Transform ตัวเองสู่ยุคดิจิตอล Unefits เป็นระบบ HR& Benefit ที่จะช่วยให้ SME สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน Glurr.com เป็น University Community และ Realgiver ที่คุณกิตติร่วมกับเพื่อนๆใน Startup Ready#2 สร้างแพลทฟอร์มเพื่อการทำความดีร่วมกัน

คุณกิตติ เล่าว่า หลังจากตัดสินใจเรียนต่อระดับปริญญาโท หลักสูตร MBA ของ Stamford ช่วงแรกตั้งใจเลือกหลักสูตร Online ซึ่งก่อตั้งขึ้นราว 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากคิดว่าเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์การทำงานของตนเองที่มีงานค่อนข้างมาก แต่เมื่อได้ปรึกษาอาจารย์แล้วพบว่ามีหลักสูตรเรียนวันเสาร์ สัปดาห์ละ 1 วัน ทั้งยังเป็นคอร์สเรียนที่ผสมผสานระหว่างการเรียนแบบ Online และ Offline เข้าด้วยกัน จึงตัดสินใจทดลองเรียนในชั้นเรียนวันเสาร์และพบว่ามีข้อดีมากกว่าที่คิด นอกจากจะได้เข้าชั้นเรียน ได้เจอเพื่อนต่างวัยต่างความคิด ก็ยังเหมือนเป็นการพักผ่อนในอีกรูปแบบหนึ่ง รวมถึงการเรียนก็ไม่ได้เน้นหนักแค่ภายในห้องเรียนวันเสาร์ เพราะจะมีบทเรียน และ Case Study ให้วิเคราะห์ร่วมกันบนระบบ Blackboard ก่อนถึงชั้นเรียนวันเสาร์ ทำให้รู้สึกว่าการเรียนที่นี่คล้ายการสัมมนามากกว่ามานั่งฟังอาจารย์บรรยาย

เปรียบ MBA กระดูกสันหลังของธุรกิจ

หลังจากศึกษาระดับปริญญาตรีและเรียนจบด้านวิศวะโยธา ตนเองได้ทำงานเกี่ยวกับระบบไอทีและการตลาดสำหรับโรงแรมมานานกว่า 15 ปี ในตำแหน่ง CMO โดยเป็นทั้งหุ้นส่วนและผู้บริหาร และได้เห็นทั้งความสำเร็จและล้มเหลวของธุรกิจโรงแรมและธุรกิจบริการต่างๆกว่า 500 แห่ง จึงมีความฝันอยากทำธุรกิจโรงแรมเป็นของตนเอง แต่ในขณะที่กำลังวางแผนธุรกิจนั้น พบว่าแนวคิดและองค์ประกอบในการทำธุรกิจนั้นยังขาดจิ๊กซอว์ที่สำคัญบางชิ้น จึงตั้งใจที่จะศึกษา MBA เพิ่มเติม เพื่อเสริมสร้างกระดูกสันหลังที่มั่นคงในการทำธุรกิจให้ยั่งยืน ประกอบกับทางครอบครัวมีธุรกิจเกี่ยวกับโรงงานรังนก และต้องการขยายไปยังตลาดค้าปลีกและตลาดต่างประเทศ จึงต้องการหลักสูตรที่ทำให้ตนเองสามารถบริหารธุรกิจใหม่ไปได้พร้อมกับต่อยอดธุรกิจของครอบครัว จนพบว่า StamfordMBA  มีความลงตัว คือ มีหลักสูตรทันสมัยเข้ากับสถานการณ์ , มีแพลทฟอร์มการเรียนผ่านออนไลน์ สามารถค้นคว้าข้อมูลและศึกษาเพิ่มเติมได้ตลอดเวลา , มีทำเลที่สะดวกมากต่อการเดินทางเพราะมีการขยายสาขามาอยู่ที่ BTS อโศก และงบประมาณในการศึกษาต่อหลักสูตรก็ไม่แพงเกินไป

การเรียนช่วยต่อยอดธุรกิจได้จริง หรือ…?

หลักสูตรที่เรียนมีทั้งสิ้น 9 วิชา ซึ่งมี Assignment และยังมี Project ในแต่ละวิชา  Assignment ส่วนใหญ่ จะสามารถนำไปใช้จริงกับธุรกิจได้ทั้งสิ้น ตัวอย่างเช่น การนำเอาความรู้จากวิชาการตลาด มาใช้บริษัท Sita Imprezzo ของตนเอง จากเดิมที่เป็นโรงงานรังนกขายส่ง  ก็นำไอเดียทางการตลาดไปใช้ในการต่อยอด ในการสร้างแบรนด์ สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ และสร้างช่องทางการตลาดใหม่ๆ จน Sita Imprezzo กลายเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม ที่มีรังนกและสมุนไพรจากธรรมชาติเป็นส่วนผสมหลัก มีการสร้างแบรนด์แแบบ Omni-Channel คือ Online ผสม Offline จนกลายเป็นเบอร์หนึ่งในโลกออนไลน์ มีสาขาที่สนามบินเชียงใหม่ และกำลังขยายไปสู่สนามบินอื่นๆอีกด้วย ส่วนโรงแรม The Step Sathon ซึ่งเป็นธุรกิจส่วนตัวอีกธุรกิจหนึ่ง ก็ได้นำเอาไอเดีย Lean Management จากวิชา Operation Management มาใช้ ช่วยลดขั้นตอน ลดการสูญเสียต่างๆ โดยใช้เทคโนโลยีและหลักการบริหารจัดการที่ดีเข้ามาช่วยแทนการทำงานที่ต้องใช้คนจำนวนมาก

“ในมุมมองผม หลักสูตร MBA ทำให้เรามีวิสัยทัศน์ที่กว้างและลึกขึ้นในการทำธุรกิจ ปัจจุบันผมเป็นทั้ง Digital Entrepreneur คือ ผู้ประกอบการที่ใช้ดิจิตอลเป็นเครื่องมือ และเป็น Technopreneur คือ ผู้ที่ให้บริการด้านเทคโนโลยี ซึ่งสามารถพูดได้ว่า การเลือกใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ ที่เหมาะสมเป็นสิ่งที่สร้างความแตกต่างของผู้ประกอบการที่จะประสบความสำเร็จ ส่วนการได้ร่วมชั้นเรียนกับผู้คนหลากสายอาชีพและหลายช่วงวัย ก็เหมือนเป็นการ Recharge ตัวเอง ได้ความรู้ ได้มุมมองใหม่ และแนวคิดใหม่ ในขณะที่บรรยากาศการเรียนทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ไปท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ อาจารย์เป็นเหมือนไกด์ที่มาแนะนำว่าเราควรไปเที่ยวที่ไหน ไปเที่ยวอย่างไร และเพื่อนๆในวัยต่างๆเป็นเหมือนเพื่อนร่วมเดินทาง ส่วนมุมมองที่คนทั่วไปคิดว่า MBA เป็นการเรียนเพื่อเพิ่ม Connection ทางธุรกิจนั้น ผมคิดว่าปัจจุบัน Connection หาได้ง่ายขึ้นจาก Seminar และ Networking Event ต่างๆ ในแต่ละหัวข้อที่เราสนใจ  แต่การเรียน MBA  นั้นได้มากกว่า Connection คือ ได้เข้าใจมุมมองของเพื่อนต่างวัย ต่างวงการ แบบตรงไปตรงมา ซึ่งเราจะหาไม่ได้จากการเข้าร่วมสัมมนาเชิงธุรกิจหรืออีเวนท์สำหรับผู้บริหารแน่นอน”

ช่วยต่อยอดความสำเร็จ ในยุคเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี!

เรื่องการศึกษายังถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในการทำงานและการทำธุรกิจ การที่เราสามารถเข้าใจถึงความคาดหวังต่อความสำเร็จในเรื่องนั้นและมองเห็นตนเองได้ อาจเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย เช่น รับรู้จากตัวอย่างความสำเร็จ หรืออยู่ใน Ecosystem หรือสิ่งแวดล้อมที่ดี ที่ทำให้เกิดแรงกระตุ้นและมีแรงผลักให้กล้าคิดกล้าทำ ส่วนตัว สมัยเรียนจบใหม่ๆ เคยมีความคิดต่อต้านการเรียนปริญญาโท เพราะคิดว่าการเรียนในมหาวิทยาลัยเป็นเรื่องของทฤษฎี คิดในกรอบมากเกินไป  ซึ่งมาวันนี้จึงเข้าใจแล้วว่า การเรียน MBA คือ การเรียนรู้ในสิ่งที่มีผู้รวบรวมไว้ให้เราแล้วทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว เพื่อที่เราจะสามารถนำสิ่งเหล่านั้นไปปรับใช้กับแนวคิดและธุรกิจของเราได้แบบทางลัด แล้วเราค่อยไปแตกยอดใหม่ๆเอาเอง

“คนเราควรมี 4 ด้าน คือ ABCD ได้แก่ Art , Business , Communication , Digital ควรเรียนรู้ให้ครบทุกด้านเพื่อเป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ และถ้าอยากมีธุรกิจที่เปรียบเหมือนร่างกายขนาดใหญ่ ก็จำเป็นต้องมีกระดูกสันหลังที่แข็งแรงมั่นคงคือการเรียน MBA และค่อยไปเติมเต็มกับสิ่งที่เราอาจยังไม่เข้าใจ หรือสิ่งที่เราสนใจเพิ่มเติมได้”

นอกจากมุมมองของผู้ที่ได้สัมผัสหลักสูตร MBAStamford เรายังมีอีกมุมมองที่น่าสนใจจาก ดร.เอก ชุณหชัชราชัย รองคณบดีบัณฑิตวิทยาลัย และอาจารย์ประจำหลักสูตร MBA Stamford มาช่วยยืนยันว่าหลักการศึกษาต่อและหลักสูตร MBA สำคัญอย่างไร

ปริญญาโท = เพิ่มองค์ความรู้ และการคิดวิเคราะห์

ดร.เอก อธิบายให้เข้าใจความสำคัญของหลักสูตร MBA ว่า หลักสูตรดังกล่าวมีความสำคัญกับสายงานธุรกิจโดยตรง แม้ว่านักศึกษาหลายคนจะเรียนจบหลักสูตรเกี่ยวกับธุรกิจมาแล้วในระดับปริญญาตรี แต่ปัจจุบัน วัตถุประสงค์ในการเลือกเรียนต่อระดับปริญญาโทได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมกว่า 60-70% จากเดิมที่ต้องการเรียนเพื่อต่อยอดองค์ความรู้ สู่การเรียนเพื่อต้องการใช้ในการประกอบธุรกิจส่วนตัว เพื่อเพิ่มองค์ความรู้และกระบวนการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ แนวคิดดังกล่าวสอดคล้องกับเป้าหมายการถ่ายทอดความรู้ของ MBAStamford ที่เน้นทั้งองค์ความรู้เชิงทฤษฎีและการถ่ายทอดประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง ทำให้ผู้เรียนได้รับความรู้ที่สามารถจับต้องได้จริงและเข้มข้นกว่าหลักสูตรปริญญาตรีที่เน้นการเรียนการสอนพื้นฐาน รวมถึงบรรยากาศการเรียนที่เน้นการแลกเปลี่ยน การทำเวิร์คช้อป และ Discussion กันมากกว่าบรรยากาศห้อง Lecture

ธุรกิจ คือ MBA

เป็นความจริงที่ MBA มีความสำคัญและจำเป็นต่อการทำธุรกิจ มหาวิทยาลัยนานาชาติ Stamford จึงให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวตั้งแต่แนวทางและนโยบายในการพัฒนาหลักสูตร เพื่อตอบโจทย์กลุ่มนักธุรกิจและผู้ที่ต้องการเป็นนักธุรกิจซึ่งเลือกหลักสูตร MBA ของมหาวิทยาลัยฯ ด้วยเหตุผลดังกล่าว

“แม้ว่า MBA จะสำคัญกับผู้ที่ต้องการเป็นนักธุรกิจ แต่หลักสูตรนี้ยังสามารถต่อยอดและสร้างประโยชน์ให้อาชีพอื่นได้ ด้วยการเรียนในรูปแบบ Interactive Learning Style ไม่ใช่การถ่ายทอดแบบ One Way ต้องเน้นการแลกเปลี่ยน พูดคุย ต่อยอด แนะนำกัน ทำให้ผู้เรียนเกิดไอเดียและได้นำไปปรับใช้กับธุรกิจ”

ใช้คอนเซปต์ 4i สร้างความแตกต่าง

จุดเด่นของหลักสูตร MBA Stamford คือ แนวคิดที่เรียกว่า 4i ได้แก่ industrial linkage , internationality , innovation , integrity

Industrial Linkage คือ ความเชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมหาวิทยาลัยฯ ไม่ได้ยึดติดหลักสูตรอยู่กับตำราแต่ยังมีการเชิญวิทยากรผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมาบรรยายให้ความรู้ และร่วมแสดงความเห็นในการออกแบบหลักสูตรการศึกษาในแต่ละปี เรียกว่า Program Summit และ Course Summit เพื่อสร้างการศึกษาที่ได้มาตรฐานและทันสมัยต่อความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด

Internationality คือ การสะท้อนถึงความเป็นนานาชาติที่ไม่ได้ยึดติดอยู่กับเรื่องภาษา แต่รวมถึงบรรยากาศการเรียนและคอนเทนต์ ทำให้ผู้เรียนเข้าถึงเนื้อหาและรายละเอียดได้จากระบบออนไลน์ มีการแชร์ร่วมกันระหว่างผู้สอนและผู้เรียนด้วยกันเอง

Innovation คือ การเรียนอย่างเข้าถึงพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันอย่างถ่องแท้ ผ่านช่องทางการเรียนรู้และคอนเทนต์การเรียนการสอนในรูปแบบเทคโนโลยีที่เรียกว่า Blackboard ซึ่ง Stamford ถือเป็นมหาวิทยาลัยแรกในประเทศไทยที่ใช้ระบบดังกล่าวเป็นช่องทางการเรียนการสอนเชิงบังคับ ไม่ใช่เพียงช่องทางเสริมประกอบการเรียน ทำให้นักศึกษาและอาจารย์ไม่จำเป็นต้องถือหนังสือเรียนเล่มหนาๆ อีกต่อไป สอดคล้องกับพฤติกรรมและความต้องการเข้าถึงคอนเทนต์ทุกที่ทุกเวลา

Integrity คือ ความรับผิดชอบต่อสังคม และในฐานะผู้ให้การศึกษา มหาวิทยาลัยได้ดำเนินการด้านการเรียนการสอนภายใต้ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการด้วยคุณภาพและการดูแลอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่บุคลากร นักศึกษา และหน่วยงานภาครัฐ ภายใต้การประเมินของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาในระดับดีมากติดต่อกันถึง 5 ปี ซึ่งมหาวิทยาลัยฯ ยังตั้งเป้าหมายสู่การรับรองคุณภาพในระดับสากลอีกด้วย

ปั้นหลักสูตร Online เสิร์ฟมิติใหม่การศึกษา

“นอกจากหลักสูตรปกติ Stamford ยังมีหลักสูตร Online ซึ่งพบว่าคนไทยยังมีความเข้าใจผิดกับเรื่องดังกล่าว คือ เข้าใจคำว่าเรียน Online เป็นการเรียนแบบ Self Study เป็นการเรียนทางไกลในชทบท แต่หลักสูตร Online ของเรานั้น เป็นความร่วมมือกับพันธมิตรทางการศึกษากับกลุ่มมหาวิทยาลัยในเครือลอรีเอท เป็นหลักสูตรที่อาจารย์ใกล้ชิดและเอาใจใส่นักศึกษามากกว่าเดิม พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้เข้าถึงความรู้อย่างระบบ Blackboard มี Online Classroom เพื่อให้นักศึกษาและอาจารย์ได้ตอบโต้ ซักถามกัน รวมถึงคอนเทนต์แบบ Interactive สามารถสร้างผลลัพธ์จริงให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นและแตกต่างจากระบบการเรียนแบบเดิม ซึ่งปัจจุบันมีผู้สนใจหลักสูตร Online เพิ่มขึ้นกว่า 100% มีนักศึกษาเฉลี่ย 30-40 คนต่อคลาส”

นอกจากนี้ ทางมหาวิทยาลัยฯ ยังเตรียมปรับหลักสูตรครั้งใหญ่ภายในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งเป็นระยะเวลาที่เร็วกว่าตามกฎกระทรวงศึกษาธิการที่ระบุให้มีการปรับปรุงทุกๆ 5 ปี เนื่องจากเราเล็งเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสังคมและต้องการรองรับความต้องการของธุรกิจและผู้เรียนให้ทันสถานการณ์ทุกๆ 2-3 ปี

 

เลือกและเรียนต่อ…เพื่อโอกาสในชีวิต

เรื่องนี้ คุณกิตติ แนะนำว่า การเรียน คือ การลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในชีวิต ไม่ว่าคุณจะเลือกเรียนต่อด้านใดล้วนเป็นการต่อยอดให้แข็งแรงขึ้นทุกทาง หลักสูตรที่เลือกเรียนควรจะสะท้อนถึงความต้องการว่าคุณอยากดำเนินชีวิตอย่างไรในอนาคต ดังนั้นจึงควรตอบตัวเองให้ได้ว่า อยากเพิ่มเติมอะไรหรือเรายังขาดมุมมองด้านไหน เพื่อสร้างความสมบูรณ์ให้สายงานของตนเอง

ส่วน ดร.เอก นำเสนอความเห็นว่า การศึกษาเป็นเรื่องดีทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเลือกด้วยความชื่นชอบหรือเป็นความต้องการในสายงานก็ตาม ทาง Stamford เล็งเห็นความสำคัญของการเลือกและเรียนต่อจึงจัดกิจกรรมให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจทุกเดือนๆ ละ 2-3 ครั้ง พร้อมกับความเข้าใจว่าการเรียนปริญญาโทเป็นการศึกษาที่ผู้เรียนซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยทำงานต้องเป็นผู้รับผิดชอบเอง จึงมีการทำตลาดแบบเอาใจลูกค้า คือ สามารถแบ่งชำระค่าเทอมได้ ทั้งแบบรายเดือนหรือผ่อนชำระดอกเบี้ย 0% ผ่านธนาคารชั้นนำ เพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์และความสามารถในการศึกษาต่อ รวมถึงการเรียนหลายรูปแบบ ทั้งเรียนช่วงเย็นวันธรรมดา  หรือเรียนเฉพาะวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ เพื่อให้ผู้สนใจได้เลือกและปรับการเรียนให้เข้ากับการใช้ชีวิตและการทำงานไปพร้อมกัน

บทความโดย marketingoops.com

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น

You may use these HTML tags and attributes:

<a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <s> <strike> <strong>