อยากเรียนต่อต่างประเทศ มีขั้นตอนอย่างไร ต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง
การเรียนต่อต่างประเทศเป็นความฝันของใครหลายคน ด้วยโอกาสในการเปิดโลกทัศน์ใหม่ ๆ พัฒนาทักษะภาษา และสร้างเครือข่ายระดับนานาชาติ แต่หลายคนอาจรู้สึกว่าการเรียนต่อในต่างประเทศเป็นเรื่องยุ่งยากและซับซ้อน ไม่รู้ว่าต้องเริ่มต้นอย่างไร มีขั้นตอนอะไรบ้าง และต้องเตรียมตัวอย่างไร ซึ่งในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับขั้นตอนต่าง ๆ ในการเรียนต่อต่างประเทศ ตั้งแต่การหาข้อมูล เลือกหลักสูตร ไปจนถึงการยื่นวีซ่าและหาที่พัก พร้อมแนะนำสิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจไปเรียนต่อในต่างประเทศ เพื่อให้คุณสามารถเตรียมตัวได้อย่างครบถ้วนและมั่นใจ
อยากเรียนต่อต่างประเทศ ควรใช้เวลาเตรียมตัวนานแค่ไหน?
การเตรียมตัวเรียนต่อต่างประเทศเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา โดยทั่วไปแล้วควรเริ่มเตรียมตัวอย่างน้อย 12 -16 เดือนก่อนวันที่คาดว่าจะเดินทางไปเรียน เพื่อให้มีเวลาเพียงพอในการหาข้อมูล เตรียมเอกสาร และพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ บางหลักสูตรอาจมีกำหนดการรับสมัครล่วงหน้าถึง 1 ปี ดังนั้นการเริ่มเตรียมตัวแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้คุณมีเวลาเพียงพอในการวางแผนและเตรียมความพร้อมในทุกด้าน
แชร์ 12 ขั้นตอนสมัครเรียน ที่คนอยากเรียนต่อต่างประเทศต้องรู้
สำหรับน้อง ๆ ที่กำลังศึกษาอยู่ที่ Stamford International University สามารถไปเรียนต่อต่างประเทศได้อย่างสะดวกสบาย เพราะเรามีตัวเลือก Dual Degree หรือทางเลือกหลักสูตรปริญญาตรี แบบสองปริญญา ที่จะทำให้น้อง ๆ สามารถไปเรียนแลกเปลี่ยนที่มหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศได้
แน่นอนว่าการเรียนต่อต่างประเทศมีขั้นตอนหลายอย่างที่ต้องดำเนินการ ตั้งแต่การหาข้อมูลไปจนถึงการเดินทางไปเรียน ซึ่ง Stamford International University ก็ได้รวบรวมมาแนะนำทั้งหมด 12 ขั้นตอน โดยแต่ละขั้นตอนมีรายละเอียดดังนี้
1. หาเอเจนซี่เรียนต่อต่างประเทศ
การใช้บริการเอเจนซี่เรียนต่อต่างประเทศอาจเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ไม่มั่นใจในการดำเนินการด้วยตนเอง เอเจนซี่จะช่วยให้คำแนะนำเกี่ยวกับหลักสูตร มหาวิทยาลัย และประเทศที่เหมาะสมกับคุณ รวมถึงช่วยในกระบวนการสมัครเรียนและขอวีซ่า อย่างไรก็ตาม คุณควรเลือกเอเจนซี่ที่มีชื่อเสียงและน่าเชื่อถือ และควรตรวจสอบค่าบริการให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจใช้บริการ
2. หาข้อมูลในการเรียนต่อ
การหาข้อมูลเป็นขั้นตอนสำคัญในการเรียนต่อต่างประเทศ คุณควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศที่สนใจ มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในสาขาที่ต้องการเรียน ค่าใช้จ่ายในการเรียนและการใช้ชีวิต รวมถึงโอกาสในการทำงานหลังจบการศึกษา แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้แก่ เว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย เว็บไซต์จัดอันดับมหาวิทยาลัย และเว็บไซต์ของหน่วยงานด้านการศึกษาของแต่ละประเทศ
3. เลือก 3 หลักสูตรที่น้อง ๆ สนใจมากที่สุด
เมื่อคุณได้ข้อมูลเพียงพอแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกหลักสูตรที่สนใจ ควรเลือกอย่างน้อย 3 หลักสูตรเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับการตอบรับ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น เนื้อหาหลักสูตร ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย โอกาสในการทำงานหลังจบ และค่าใช้จ่าย ควรเลือกหลักสูตรที่ตรงกับความสนใจและเป้าหมายในอาชีพของคุณมากที่สุด
4. ตรวจสอบข้อกำหนดและวันที่ปิดการรับสมัครของหลักสูตร
แต่ละหลักสูตรและมหาวิทยาลัยมีข้อกำหนดในการรับสมัครที่แตกต่างกัน คุณควรตรวจสอบข้อกำหนดเหล่านี้อย่างละเอียด เช่น คุณสมบัติของผู้สมัคร เอกสารที่ต้องใช้ และที่สำคัญคือวันที่ปิดรับสมัคร บางมหาวิทยาลัยอาจมีรอบการรับสมัครหลายรอบ ดังนั้นควรวางแผนการสมัครให้ทันกำหนดเวลา
5. เช็กข้อมูลและสมัครสอบภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยหรือคณะนั้น ๆ กำหนด
การสอบวัดระดับภาษาอังกฤษเป็นข้อกำหนดสำคัญในการสมัครเรียนต่อต่างประเทศ โดยทั่วไปมักใช้ผลสอบ IELTS หรือ TOEFL แต่บางมหาวิทยาลัยอาจยอมรับการสอบอื่น ๆ เช่น Cambridge English หรือ Pearson Test of English คุณควรตรวจสอบว่ามหาวิทยาลัยที่คุณสนใจต้องการผลสอบแบบใด และต้องได้คะแนนเท่าไหร่ จากนั้นจึงวางแผนเตรียมตัวและสมัครสอบให้ทันเวลา
6. เตรียมเอกสารในการสมัครเรียน
การเตรียมเอกสารเป็นขั้นตอนสำคัญในการสมัครเรียน ซึ่งน้อง ๆ ควรจะเตรียมเอกสารเหล่านี้ให้พร้อมและตรวจสอบความถูกต้องก่อนยื่นสมัคร โดยเอกสารที่มักต้องใช้ได้แก่
เอกสารสำคัญ
- หนังสือเดินทาง
- เอกสารวีซ่า
- เอกสารประกันต่าง ๆ เช่น ประกันสุขภาพ หรือประกันการเดินทาง
- ใบจองหอพัก
- ตั๋วเครื่องบิน
- วัคซีน พาสปอร์ต
- ใบขับขี่สากล (ถ้ามี)
เอกสารและผลสอบสำหรับยื่นมหาวิทยาลัย
- ใบสมัครเข้าศึกษาต่อ
- ใบแสดงผลการเรียนหรือใบจบ
- Graduation Certificate
- ผลการสอบภาษาอังกฤษ เช่น IELTS หรือ TOEFL
- จดหมายหรือเอกสารรับรองจากอาจารย์
- จดหมายแนะนำตัว (SOP: Statement of Purpose)
- เอกสารรับรองสุขภาพ
- หนังสือรับรองการทำงาน ในกรณีที่คณะหรือมหาวิทยาลัยต้องการ
7. ร่างจดหมายแสดงเจตจำนงในการเรียนต่อ (Statement of Purpose)
จดหมายแสดงเจตจำนงเป็นส่วนสำคัญในการสมัครเรียน เป็นโอกาสที่คุณจะได้อธิบายถึงเหตุผลที่คุณสนใจเรียนในหลักสูตรนั้น ๆ เป้าหมายในอาชีพ และประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง ควรเขียนอย่างจริงใจ มีเหตุผล และแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในหลักสูตรที่คุณกำลังสมัคร อาจต้องใช้เวลาในการร่างและแก้ไขหลายครั้งเพื่อให้ได้จดหมายที่น่าประทับใจ
8. เตรียมเงินเพื่อชำระค่าสมัครและค่าเล่าเรียน
การเรียนต่อต่างประเทศมีค่าใช้จ่ายสูง คุณควรวางแผนการเงินล่วงหน้า โดยคำนวณทั้งค่าสมัคร ค่าเล่าเรียน ค่าที่พัก และค่าครองชีพ นอกจากนี้ ควรศึกษาเรื่องทุนการศึกษาที่อาจมีให้ ทั้งจากมหาวิทยาลัยและจากแหล่งทุนอื่นๆ การเตรียมหลักฐานทางการเงินที่แสดงว่าคุณมีความพร้อมทางการเงินเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญในการขอวีซ่านักเรียนด้วย
9. ยื่นสมัครเรียน
เมื่อเตรียมเอกสารทุกอย่างพร้อมแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการยื่นสมัครเรียน ปัจจุบันมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่รับสมัครผ่านระบบออนไลน์ คุณควรกรอกข้อมูลให้ครบถ้วนและตรวจสอบความถูกต้องก่อนส่ง หากมีข้อสงสัยใดๆ ควรติดต่อฝ่ายรับสมัครของมหาวิทยาลัยโดยตรง
10. รอการตอบรับจากมหาวิทยาลัย
หลังจากยื่นสมัคร คุณจะต้องรอการตอบรับจากมหาวิทยาลัย ซึ่งอาจใช้เวลาตั้งแต่ 2 สัปดาห์ถึง 2-3 เดือน ขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัย ในระหว่างนี้ คุณควรเตรียมตัวในด้านอื่น ๆ ไปด้วย เช่น การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ หรือการหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในต่างประเทศ
11. เตรียมเอกสารและยื่นขอวีซ่านักเรียน
เมื่อได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการขอวีซ่านักเรียน เอกสารที่ต้องใช้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ แต่โดยทั่วไปมักต้องการหลักฐานการตอบรับจากมหาวิทยาลัย หลักฐานทางการเงิน และประวัติส่วนตัว คุณควรศึกษาข้อกำหนดในการขอวีซ่าอย่างละเอียดและเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน
12. ค้นหาที่พัก
การหาที่พักเป็นอีกขั้นตอนสำคัญในการเตรียมตัวเรียนต่อต่างประเทศ คุณอาจเลือกพักในหอพักของมหาวิทยาลัย หรือเช่าที่พักภายนอก แต่ละทางเลือกมีข้อดีและข้อเสียต่างกัน หอพักมหาวิทยาลัยมักสะดวกและปลอดภัย แต่อาจมีราคาแพงกว่า ส่วนการเช่าที่พักภายนอกอาจประหยัดกว่าและมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า แต่อาจต้องเดินทางไกลขึ้น คุณควรศึกษาข้อมูลและตัดสินใจเลือกที่พักให้เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของตนเอง
สิ่งที่ควรรู้ก่อนเรียนต่อต่างประเทศ
นอกจากการเรียนรู้ขั้นตอนการสมัครเรียนต่อต่างประเทศแล้ว ยังมีสิ่งสำคัญอื่น ๆ ที่น้อง ๆ ควรรู้ก่อนไปเรียนต่อ เพื่อให้สามารถเตรียมความพร้อมได้อย่างรอบด้าน
ตั้งเป้าหมายการไปเรียนต่อต่างประเทศ
ก่อนเริ่มกระบวนการเรียนต่อต่างประเทศ คุณควรตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนว่าต้องการไปเรียนเพื่ออะไร อาจเป็นการพัฒนาทักษะเฉพาะทาง การเพิ่มโอกาสในการทำงานระดับนานาชาติ หรือการสร้างเครือข่ายระดับโลก การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณเลือกหลักสูตรและประเทศที่เหมาะสม และยังช่วยสร้างแรงจูงใจในการเรียนอีกด้วย
ศึกษาค่าครองชีพของประเทศที่เลือก
ค่าครองชีพในแต่ละประเทศและเมืองมีความแตกต่างกันมาก คุณควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในเมืองที่คุณจะไปเรียน เพื่อวางแผนการเงินให้เหมาะสม นอกจากนี้ ควรศึกษาเรื่องการทำงานพาร์ทไทม์ระหว่างเรียน ซึ่งอาจช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายได้
ศึกษาวัฒนธรรมและวิถีชีวิต
การเรียนต่อต่างประเทศไม่ใช่แค่การเรียนในห้องเรียน แต่ยังรวมถึงการปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตใหม่ คุณควรศึกษาเกี่ยวกับวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม และมารยาทของประเทศที่จะไปเรียน เพื่อลดความตกใจทางวัฒนธรรม (Culture Shock) และสามารถปรับตัวได้เร็วขึ้น
ความพร้อมด้านภาษาอังกฤษ
ภาษาอังกฤษเป็นทักษะสำคัญในการเรียนต่อต่างประเทศ แม้ว่าคุณจะผ่านเกณฑ์คะแนนภาษาอังกฤษของมหาวิทยาลัยแล้ว แต่ควรพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษอย่างต่อเนื่อง ทั้งการฟัง พูด อ่าน และเขียน เพื่อให้สามารถเรียนและใช้ชีวิตในต่างประเทศได้อย่างราบรื่น
เป้าหมายหลังเรียนจบ
นอกจากการตั้งเป้าหมายในการเรียน คุณควรคิดถึงเป้าหมายหลังเรียนจบด้วย ว่าต้องการทำงานในประเทศนั้นต่อ กลับมาทำงานในประเทศไทย หรือศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น การมีเป้าหมายระยะยาวจะช่วยให้คุณวางแผนการเรียนและการใช้ชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สรุปบทความ
การเรียนต่อต่างประเทศเป็นประสบการณ์ที่มีค่าและท้าทาย แต่ต้องใช้การเตรียมตัวอย่างดี ตั้งแต่การหาข้อมูล เลือกหลักสูตร เตรียมเอกสาร จนถึงการปรับตัวกับชีวิตในต่างแดน ขั้นตอนสำคัญได้แก่ การหาข้อมูล เลือกหลักสูตร เตรียมเอกสาร สอบภาษาอังกฤษ ยื่นสมัครเรียน และขอวีซ่า นอกจากนี้ ยังควรพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เช่น ค่าครองชีพ วัฒนธรรม และเป้าหมายหลังเรียนจบ ซึ่งการเตรียมตัวที่ดีจะช่วยให้คุณมีความพร้อมในการเผชิญความท้าทายและได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเรียนต่อต่างประเทศ
สุดท้ายนี้ สำหรับน้อง ๆ ที่อยากพัฒนาตัวเองและสร้างโอกาสในการพบปะผู้คนใหม่ ๆ รวมถึงฝึกฝนภาษาอังกฤษ ในมหาวิทยาลัยที่มีทางเลือกในการเรียนแลกเปลี่ยนแบบ Dual Degree หรือ Top-Up Degree การเรียนต่อมหาวิทยาลัยอินเตอร์ในประเทศไทยที่ Stamford International University ก็นับว่าเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์อยู่ไม่น้อย เพราะเรามีหลักสูตรและสาขาให้น้อง ๆ เลือกเรียนอย่างหลากหลาย สำหรับผู้ปกครองและนักศึกษาที่มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ผ่านช่องทางเหล่านี้
- โทร: 02 769 4000
- Facebook: https://www.facebook.com/stamfordthailand/
- สมัครเรียน: https://www.stamford.edu/apply-now/